สมช. ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ชายแดนใต้ ไทย-มาเลเซีย เตรียมผลักดันโครงการรั้วชายแดน เพิ่มความมั่นคงระดับยุทธศาสตร์
วันที่ 18 มิถุนายน 2568 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมโสภาพิสัย 1 ชั้น 6 โรงแรมตันหยง อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จัดการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และชายแดนไทย–มาเลเซีย โดยมี พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม
ในการนี้ พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เข้าร่วมประชุมพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และผู้แทนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและข้อเสนอเชิงนโยบายในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงชายแดนไทย–มาเลเซีย
การประชุมในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามรับฟังปัญหาโดยตรงจากฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และภาคประชาสังคม โดยเฉพาะปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน และข้อเรียกร้องให้มีมาตรการป้องกันเหตุรุนแรง รวมถึงควบคุมการใช้ช่องทางธรรมชาติในการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุ โดยมุ่งเน้นการติดตาม ร่างนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2568–2570 รวมถึงการแก้ไขปัญหาในระดับยุทธศาสตร์และการบริหารจัดการเขตแดน โดยเฉพาะปัญหาสำคัญในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เช่น การลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย,การเคลื่อนย้ายของนักเรียนไทยไปเรียนในฝั่งมาเลเซีย,การใช้เรือหางยาวไม่จดทะเบียนในแม่น้ำโก-ลก,การตรวจสอบแนวเขตแดนไทย–มาเลเซีย
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาแนวทางการผลักดันโครงการก่อสร้าง รั้วชายแดนเพื่อความมั่นคง และการควบคุมท่าข้ามแดน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ป้องกันการหลบหนีของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง รวมถึงจัดระเบียบวิถีชีวิตของประชาชนที่มีการไปมาระหว่างสองประเทศอย่างเหมาะสม โดยยึดโยงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่
ในโอกาสนี้ พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก และคณะ มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพภูมิศาสตร์ตามแนวชายแดนไทย–มาเลเซีย ในพื้นที่ อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เพื่อรับทราบปัญหาในพื้นที่จริง ก่อนนำข้อมูลไปพิจารณาในระดับนโยบายของรัฐบาลต่อไป■■■
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น