🔺 กอ.รมน.ภาค 4
สน. รายงานความคืบหน้า เจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา
เบื้องต้นควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 ราย 🔺
📍 วันนี้
(21
กันยายน 2567) เวลา
05.00
น. หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมประจำจังหวัดยะลา ได้สนธิกำลัง 3
ฝ่าย เข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่าพบเห็นบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวหลบซ่อนพักพิงในพื้นที่
ซึ่งจากการตรวจสอบพบมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุสร้างสถาการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดยะลา
มาแล้วหลายคดีในห้วงที่ผ่านมา ประกอบด้วย
เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดริมถนนในพื้นที่บ้านบาโง หมู่ที่ 6
ตำบลปะแต อำเภอยะหา เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566, เหตุคนร้ายปล้นอาวุธปืนบ้านอดีตผู้ใหญ่บ้าน
พื้นที่บ้านบาโง หมูที่ 6 ตำบลปะแต อำเภอยะหา เมื่อวันที่ 5
เมษายน 2567
และเหตุคนร้ายปล้นอาวุธปืนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ในพื้นที่ อำเภอยะหา, อำเภอกรงปินัง
และอำเภอเมือง จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบ ณ
บ้านเลขที่ 161
หมู่ที่ 4
ตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา พบผู้ต้องสงสัย จำนวน 1
ราย คือ นายฟาดิล ยะยอ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพิ่มเติมที่พักชั่วคราว
บริเวณกุโปร์ดารุลนาฮิม หมู่ที่ 4 ตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
พบผู้ต้องสงสัย 1
ราย คือ นายมะรอมลี หะแวยาวอ สำหรับในขั้นตอนการปฏิบัติ
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า
ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่พูดคุยและสร้างความเข้าใจแก่ครอบครัวและญาติของผู้สงสัยให้ทราบถึงขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่
รวมทั้งให้ปฏิบัติด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนให้มากที่สุด
ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ราย ไปยังศูนย์ซักถาม
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41
เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามและขยายผลต่อไป
📌 ทั้งนี้
ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่
สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค
4 โทร
061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน
กอ.รมน.ภาค 4 สน.
1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด
24 ชั่วโมง
รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น
การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร
จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี
หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
#ศูนย์ประชาสัมพันธ์
#กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น